ปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่ควรหาให้เจอทั้งสิ้นว่าตัวเองชอบแบบใดและเหมาะกับแบบใดอีกทั้งต้องมีความรู้ถึงข้อควรระวังในการเล่นหุ้นด้วย หลายๆคนคงคิดว่าการเล่นหุ้นนั้นเป็นเรื่องยากหรือบางคนบอกว่าถึงมันจะยากแต่ก็ไม่ยากเกินที่เราจะเรียนรู้หรอก แต่ไม่ว่าคุณจะมีทัศนคติกับการลงทุนแบบไหน คุณจะรู้ว่ามันทั้งไม่ยากแถมยังเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายอีกต่างหาก เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่นักลงทุนทุกๆคนควรจะต้องมีกัน เป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินความเข้าใจและไม่ยากเกินความพยายาม อันได้แก่
– ปรัชญาการลงทุนของตัวเอง ปรัชญาก็เหมือนกับหลักการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคลซึ่งแต่ละคนก็มีปรัชญาการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน สำหรับการลงทุนแล้วปรัชญาจะช่วยให้คุณผ่านพ้นปัญญาต่างๆทั้งที่คาดคิดและไม่คาดคิด ทำให้คุณไม่โอนอ่อนไปตามกระแสนิยมของตลาดหุ้นซึ่งมีอันตรายเป็นอย่างมาก อย่างเช่น ปรัชญาของวาเรน บัฟเฟต ที่จะซื้อเพื่อเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ และจะไม่ขายเลยจนกว่าบริษัทนั้นๆจะไม่มีศักยภาพมากพอที่จะทำกำไรได้ต่อไปในอนาคต เป็นต้น
– ความรู้ เพราะความรู้เป็นปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์เราเพราะเราตั้งใจศึกษาเล่าเรียนมาก็เพื่อจะได้มีอาชีพเพื่อเลี้ยงดูตัวเองและคนที่เรารัก ซึ่งสำหรับความรู้ในการลงทุนก็ไม่ต่างจากความรู้ในชีวิตประจำวันของเราเลย ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น ค่า P/E คืออะไร , ตลาดกระทิง คืออะไร , ตลาดหมี คืออะไร , หรือการเก็งกำไร คืออะไร เหล่านี้ล้วนเป็นความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับมือใหม่จะต้องรู้ทั้งนั้น ซึ่งวิธีการก็ไม่ยากเลย
– ต้นแบบที่ดี ถูกต้องแล้วครับตนแบบที่ดี เพราะการมีต้นแบบที่ดีก็เปรียบเหมือนกับการมีหางเสือที่ดีนั่นเอง อย่างเช่นหลายๆคนที่มีฮีโร่ประจำใจเป็นของตัวเอง เมื่อเจอปัญหาใดๆหรือเจออุปสรรคเราก็จะให้ปรัชญาของฮีโร่ของเราฟันฝ่าอุปสรรคไปได้นั่นเอง สำหรับการลงทุนก็เช่นเดียวกันคุณต้องหาให้่เจอว่าคุณจะมีสไตล์การเล่นหุ้นแบบใด เช่น จะเล่นแบบกราฟเทคนิค หรือ จะเล่นแบบเน้นคุณค่า จากนั้นคุณก็ต้องมีต้นแบบที่ดีอย่างเช่น
การลงทุนในหุ้น คือการซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนซึ่งให้สิทธิการเป็นเจ้าของในบริษัทนั้นๆ ตามจำนวนหุ้นที่ถือครอง แม้คำว่า “งบการเงิน” และ “การบัญชี” อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกกลัวและไม่อยากทำความเข้าใจกับมัน แต่นี่คือภาษาทางธุรกิจซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องรู้ก่อนจะลงทุนในหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้อย่างนักบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก็สามารถที่จะเข้าใจพื้นฐานของงบการเงินที่สำคัญสามอย่าง คือ งบกำไรขาดทุน งบดุล และงบกระแสเงินสด ที่ช่วยแสดงถึงผลการดำเนินงานและความมั่งคั่งของบริษัทได้
เมื่อนักลงทุนคิดว่าตัวเองได้พบบริษัทที่มีประสิทธิภาพ (เหนือกว่าบริษัททั่วไป) แล้ว สิ่งต่อมาที่นักลงทุนควรค้นหาก็คือ ราคาตลาดตอนนี้เป็นราคาที่นักลงทุนควรจะเข้าไปซื้อหรือไม่ เช่นเดียวกับการซื้อสินค้าเราคงไม่อยากซื้อสินค้าที่ดี แต่ราคาแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น หุ้นก็เช่นเดียวกัน นักลงทุนคงไม่ต้องการซื้อบริษัทในราคาที่แพงเกินความเป็นจริง การจะค้นพบบริษัทที่มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าบริษัททั่วไปนั้น นักลงทุนจะต้องทำการบ้านหนักพอสมควรในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท ประกอบกับนักลงทุนบางคนอาจมองว่าการลงทุนด้วยตัวเองจะทำให้ไม่สามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอได้เท่าที่ควร ทางออกที่นักลงทุนเหล่านี้เลือกจึงเป็นการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นแทนการลงทุนในหุ้นรายตัว